2558 สถานทูตออสเตรเลียโทรศัพท์แจ้งให้แม่อุ้มบุญของ ด. ช. แกมมี่ ทราบว่า รัฐบาลได้อนุมัติสัญชาติออสเตรเลียให้ ด. แกมมี่ แล้ว ซึ่งจะทําให้เข้าถึงระบบรักษาพยาบาลในออสเตรเลีย และมีสิทธิถือพาสปอร์ตออสเตรเลีย 14 เม. ย. 2559 ผู้พิพากษาศาลครอบครัว รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ตัดสินใจให้ฝาแฝดหญิงควรอยู่กับครอบครัวฟาร์เนล ในเมืองบันบิวรี ตามเดิม เพราะเห็นว่า เป็นการไม่เหมาะสมที่จะพรากเด็กไปจากครอบครัวที่เติบโตมา โดยมีเงื่อนไขว่า ครอบครัวต้องไม่ให้เด็กอยู่กับพ่อตามลําพัง ทั้งนี้สืบเนื่องจาก สาววัย 21 ปี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลออสเตรเลียเมื่อปี 2558 เพื่อขอสิทธิรับเลี้ยงดูเด็กหญิงฝาแฝดให้กลับมาอยู่อาศัยในประเทศไทย ด้วยเหตุผลว่าพ่อชาวออสเตรเลียผู้ว่าจ้างเคยต้องคดีละเมิดทางเพศ.
ไทย "อู่มดลูกโลก" สาวหิวเงินรับตั้งท้อง แฉญี่ปุ่นจ้างอุ้มบุญ ทิ้งลูก 13 คน
ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่คู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ จะนำตัว "น้องคาร์เมน" ลูกสาวที่เกิดจากการอุ้มบุญไปเลี้ยงดู ว่า กรณีนี้เกิดขึ้นก่อนมีการบังคับใช้ พ. อุ้มบุญ ซึ่งตามกฎหมายเดิมที่มีอยู่คือ หญิงตั้งครรภ์เป็นผู้ปกครองของเด็ก แต่หากคู่รักดังกล่าวต้องการเป็นผู้ปกครอง ก็ต้องยื่นต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเพื่อเรียกร้องสิทธิในการเป็นผู้ปกครองเด็ก โดยศาลจะพิจารณาในเรื่องที่ว่าฝ่ายใดมีความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็กมากกว่า ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่คู่พ่อของเด็ก อาจจะได้สิทธิเป็นผู้ปกครอง
***หมายเหตุ: อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 20. 10 น. วันที่ 30 กรกฎาคม 2558
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วนาสิน
ธเรศ กล่าว นพ. ธเรศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พ. อุ้มบุญนี้ มีข้อห้ามในการทำ คือ ห้ามซื้อขายส่งออกนำเข้าอสุจิ ไข่ ตัวอ่อน ห้ามรับจ้าง ห้ามโฆษณา ห้ามโคลนนิ่ง ห้ามปฏิเสธที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน และการทำตรงนี้ต้องผ่านการรับรอง และต้องขออนุญาตทุกรายในการตั้งครรภ์แทน ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะอะไรจีน จึงมาใช้บริการอุ้มบุญในไทย เพราะประชากรในจีนก็มีมาก นพ.
แม่อุ้มบุญชาวไทย ยันไม่ยก น้องคาร์เมน ให้คู่เกย์จากสหรัฐฯ
วันที่ 22 ส. ค. 2557 เวลา 20:50 น. อุ้มบุญ.. ได้บุญ.. แถมได้เงินแสนสุนทร คงวราคม
ด้วยความยากจนและเดือร้อนเงินทำให้หญิงสาวจำนวนมากใน 4 หมู่บ้าน อ. หล่มสัก จ. เพชรบูรณ์ ตัดสินใจรับเป็นแม่อุ้มบุญให้กับชาวต่างชาติผ่านนายหน้าหรือเอเยนซี่และทำมานานแล้วหลายปีจนเกิดหมู่บ้านอุ้มบุญขึ้นหลายแห่งในอ. หล่มสักเพื่อแลกกับค่าตอบแทนสูงเป็นเงินหลายแสนบาท หญิงสาวส่วนใหญ่ที่รับอุ้มบุญล้วนเคยมีสามีและครอบครัวมาก่อนทั้งสิ้นและส่วนใหญ่มีทัศนคติคิดว่ารับอุ้มบุญได้ทั้งเงินและไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ร่วมหลับนอนกับคนที่เป็นพ่อของเด็กและเงินที่ได้รับยังเป็นจำนวนสูงถึง 300, 000-500, 000 บาทแต่หากได้ลูกแฝดยิ่งได้เงินเพิ่มอีกเท่าตัว แถมยังได้บุญได้กุศลด้วยเพราะได้ช่วยให้คนไม่มีลูกได้มีลูกสมใจยาก นี่คือทัศนคติของหญิงสาวที่นี่ ซึ่งประธานอาสาสมัคร( อสม. )ประจำหมู่บ้านอุ้มบุญ เล่าถึงอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมหญิงสาวส่วนใหญ่จึงตัดสินใจรับจ้างอุ้มบุญให้กับ สามีภรรยาชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเอเชีย ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมทั้ง อิสราเอล "หญิงสาวในอ. หล่มสักที่รับอุ้มบุญจะได้ค่าจ้างเลี้ยงดูในระหว่างตั้งครรภ์เดือนละประมาณ 10, 000 บาท หญิงส่วนใหญ่ที่รับอุ้มบุญ เคยมีสามีและครอบครัวมาก่อนทั้งนั้น จะมีนายหน้ามาติดต่อขณะไปทำงานที่กรุงเทพ และปริมณฑล"ประธานอสม.
คอร์ปอเรชั่น
แม่อุ้มบุญ : PPTVHD36
- เตรียม Add to Wishlist! ชวนติดเทรนด์ไปกับกระเป๋าใบเล็กจาก GIVENCHY ขนาดกะทัดรัดแต่จุของเพียบ!
- Drontal cat ราคา 3
- เปิดคุณสมบัติ “แม่อุ้มบุญ” เล็งปรับ กม.ให้รับจ้างได้ ผ่านการขึ้นทะเบียน แก้ลักลอบทำเถื่อน
- ข่าว แม่ อุ้ม บุญ i can see
- โดน เอา บน รถ suv
เปิดคุณสมบัติ “แม่อุ้มบุญ” เล็งปรับ กม.ให้รับจ้างได้ ผ่านการขึ้นทะเบียน แก้ลักลอบทำเถื่อน
ค. 2557 นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา แถลงข่าวเรื่องอุ้มบุญ ที่ชาวจีนนิยมมาจ้างหญิงไทยอุ้มบุญว่า เป็นเรื่องผิดจริยธรรมตามประกาศแพทยสภา เนื่องจาก ประเทศไทยห้ามซื้อ ขายอวัยวะ ต่างๆ และจะทําได้เฉพาะกรณีบริจาคด้วยความสมัครใจ และเป็นเครือญาติเท่านั้น 28 ก. 2557 สาววัย 21 ปี ชาวอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นแม่อุ้มบุญรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ต้องเลี้ยง "น้องแกมมี่" เด็กแฝดเพศชายชาวออสเตรเลีย ที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมและโรคหัวใจรั่ว เบื้องต้นตกลงค่าจ้างที่ 3.
Breaking News
Post Date: วันที่ 25 ส. ค. 2557 เวลา 12:17 น. ตำรวจ สน. ลุมพินี เผย แม่อุ้มบุญอีกราย เดินทางมาให้ปากคำเพื่อเอาผิดสถานพยาบาลออลไอวีเอฟเเล้ว
พ. ต. อ. เดชา พรหมสุวรรณ หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน. ลุมพินี เผยความคืบหน้าคดีอุ้มบุญว่า ในวันนี้มีหญิงที่รับจ้างทำอุ้มบุญ ซึ่งเป็น 1 ในแม่เด็กทั้ง 9 คน ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เป็นรายที่ 4 แล้ว เบื้องต้น พ. เดชา ยืนยันว่า พยานได้เข้าขอคำปรึกษากับสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ ก่อนที่จะตัดสินใจรับทำอุ้มบุญให้กับพ่อชาวญี่ปุ่น โดยเเม่อุ้มบุญรายดังกล่าว ยืนยันว่า ได้รับการฝังตัวอ่อนจาก นพ. พิสิฐ ตันติวัฒนากุล จริง และได้รับค่าจ้างในการทำอุ้มบุญครั้งนี้เป็นเงิน จำนวน 300, 000 - 400, 000 บาท