+แมกนีเซียมซัลเฟต 200 กรัม ครั้งที่ 2 ใส่ในอัตราเดิมในช่วงปลายฤดูฝน
ปีที่ 2 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21, 12-12-17-2 อัตรา 2 กก. /ต้น/ปี แมกนีเซียมซัลเฟต 300 กรัม/ต้น/ปี โดโลไมท์ 1 กก. /ต้น/ปี
ปีที่ 3 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21, 12-12-17-2 อัตรา 3 กก. /ต้น/ปี แมกนีเซียมซัลเฟต 400 กรัม/ต้น/ปี โดโลไมท์ 2 กก. /ต้น/ปี
ปีที่ 4 ขึ้นไป ใส่ปุ๋ย 13-13-21, 12-12-17-2 อัตรา 4 กก. /ต้น/ปี แมกนีเซียมซัลเฟต 500 กรัม/ต้น/ปี โดโลไมท์ 2 กก. /ต้น/ปี
การใส่ปุ๋ยมะพร้าวน้ำหอม ให้แบ่งใส่ปีละ 2 ครั้ง หว่านปุ๋ยรอบ ๆ บริเวณทรงพุ่มพรวนดินตื้น ๆ กลบปุ๋ยรอบทรงพุ่ม
(นอกจากนี้ ควรใส่เกลือแกง ให้มะพร้าว 1. 5 กก.
- เปิดตำราปลูกมะพร้าวน้ำหอม…สูตรศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมวิชาการเกษตร (ฉบับเต็ม-แนะนำเกษตรกร) | เกษตรก้าวไกล
- การผลิตมังคุดก่อนฤดูที่จันทบุรี - GotoKnow
- ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-21
เปิดตำราปลูกมะพร้าวน้ำหอม…สูตรศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมวิชาการเกษตร (ฉบับเต็ม-แนะนำเกษตรกร) | เกษตรก้าวไกล
การผลิตมังคุดก่อนฤดู
แนวคิด
ต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด
ก่อนว่าการทำมังคุดก่อนฤดูนั้นสามารถทำได้
เพื่อที่จะได้หาวิธีการทำให้ได้ตามเป้าหมาย
วิธีการ
1. การจัดการหลังเก็บเกี่ยว
ต้องมีการจัดการต้นมังคุดทันทีโดยการ
1. 1 ตัดยอดเพื่อควบคุมความสูง
โดยต้นที่ยังไม่เคยตัดแต่งยอดให้ตัดยอดลงให้เหลือความสูง
ในระยะที่สามารถทำงานได้สะดวก ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะ 4-5
เมตร
การตัดยอดให้ได้ความสูงในระยะที่ต้องการอาจต้องตัดหลายครั้ง
การตัดครั้งเดียวในทันทีอาจทำให้กิ่งที่อยู่ด้านบนโดนแสงแดดเผา
ทำให้กิ่งแห้งและผุได้ง่าย
1. 2 ตัดแต่งกิ่งภายในต้นเพื่อให้โปร่งแสงแดดส่องได้ทั่วถึง
ควรไว้กิ่งประมาณ 25 กิ่งต่อต้น
1. 3 ตัดแต่งปลายกิ่งเพื่อควบคุมทรงพุ่ม
และป้องกันไม่ให้กิ่งหัก
เนื่องจากกิ่งที่ยื่นยาวและมีปริมาณใบมาก
ปลายกิ่งจะหนักจะทำให้กิ่งหักได้ง่าย
2. การใส่ปุ๋ย
เพื่อให้ต้นมังคุดสมบูรณ์ควรมีการใส่ปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3
ครั้ง/ปี
โดยให้ดูผลการวิเคราะห์ธาตุอาหารพืชในดินและใบพืชจะทำให้ช่วยลดต้นทุนการผลิต
2. 1 การใส่ปุ๋ยครั้งที่1
ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตรที่เน้นตัวหน้า ผสมกับปุ๋ยอินทรีย์
เพื่อบำรุงใบให้สมบูรณ์และปรับโครงสร้างดิน
ใส่ในช่วงปลายของการเก็บเกี่ยวจะช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารได้ทันเวลา
เนื่องจากพืชจะใช้เวลาประมาณ 1
เดือนในการลำเลียงธาตุอาหารไปใช้ได้
2.
6 – 9. 0 องศาบริกซ์ โดยต้นแม่เหล่านี้ สามารถนำมาขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนให้เพียงพอแล้วเผยแพร่ให้เกษตรกรได้ทันที
ความโดดเด่นของมะพร้าวน้ำหอมคือเป็นไม้ผลที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ "จากงานวิจัยพบว่าส่วนที่รับประทานได้ของมะพร้าวน้ำหอม 100 กรัม ให้พลังงาน 77 แคลอรี และประกอบด้วยความชื้น 84. 0 กรัม แคลเซียม 42. 0 กรัม คาร์โบไฮเดรต 10. 3 กรัม ไขมัน 3. 6 กรัม โปรตีน 1. 4 กรัม ฟอสฟอรัส 56. 0 มก. วิตามินซี 6. ไนอาซีน 0. 8 มก. วิตามินบี 10. 04 มก. วิตามินบี 2 0. 03 มก. เส้นใย 0. 4 กรัม"
ลักษณะประจำพันธุ์
มะพร้าวน้ำหอม จัดเป็นมะพร้าวกลุ่มต้นเตี้ย ลำต้นมีขนาดเล็ก ใบสั้น กว่ามะพร้าวพันธุ์ไทยทั่วไป อายุการออกจั่นจะเร็ว ในปีหนึ่ง ๆ จั่นจะทยอยออกประมาณ 15-16 จั่น หรืออาจมากกว่านั้น ในแต่ละจั่นจะติดผลอยู่ระหว่าง 10-18 ผล ปัจจัยที่ทำให้มะพร้าวน้ำหอมให้ผลผลิตมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพดิน แหล่งน้ำ สภาพอากาศ และการดูแลรักษา ฯลฯ
แหล่งน้ำในแปลงปลูกมะพร้าว…ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร
การเลือกสภาพพื้นที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอม
สภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง การระบายน้ำในดินดี
ควรใกล้แหล่งน้ำ
ฝนตกกระจายสม่ำเสมอ
อุณหภูมิของอากาศอยู่ระหว่าง 20-29 องศา
ปริมาณแสงแดดเฉลี่ย 7.
การผลิตมังคุดก่อนฤดูที่จันทบุรี - GotoKnow
- เปิดตำราปลูกมะพร้าวน้ำหอม…สูตรศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมวิชาการเกษตร (ฉบับเต็ม-แนะนำเกษตรกร) | เกษตรก้าวไกล
- Mtg b1000rb 2a ราคา x
- FootNote รหัสยนัย จาก ธรรมนัส พรหมเผ่า รากฐาน หรหมพินาศ 4 เป็น"ใคร" -
- เปรียบเทียบเสื้อกันหนาว คอกลม ลายวันพีช gomu gomu no mi luffy A169 OG2 | Thai garnish
- ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-21
- True online โปร
- ร้าน ลิเวอร์พูล ใน ไทย
- เทคนิคการปลูกมะพร้าว ให้ต้นเตี้ยได้ผลผลิตเร็วและลูกดก – COCONUT Thailand
- ราคา รถ pajero
2 การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ควรใส่ในช่วงดอกกลมๆ
เพื่อให้ดอกมีขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้มังคุดมีผลใหญ่ไปด้วย
2. 3 การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3
ควรใส่ในช่วงที่ผลมังคุดมีขนาดเท่าผลหมาก
เพื่อเพิ่มขนาดของผลให้มีน้ำหนักอย่างน้อย 70 กรัม
3. การกระตุ้นให้มังคุดแตกใบอ่อน
โดยปกติถ้าต้นมังคุดสมบูรณ์ และมีการตัดแต่งกิ่ง
มังคุดจะแตกใบอ่อนได้เองตามธรรมชาติ
ซึ่งในภาคตะวันออกจะแตกใบอ่อนช่วงเดือนกรกฎาคม- สิงหาคม
แต่ถ้ายังไม่แตกใบอ่อนให้ฉีดพ่นด้วยไธโอยูเรีย ในอัตรา 30-40
กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร แลควรผสมฮิวมิก และสาหร่ายด้วย
เพื่อลดความเป็นพิษของไธโอยูเรีย
ในกรณีที่แตกใบอ่อนช้าให้เร่งโดยการฉีดพ่นด้วยแมกนีเซียมจะช่วยให้ใบแก่เร็วขึ้น
4. การกระตุ้นให้มังคุดออกดอก
4. 1ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
จะเป็นช่วงที่ต้องกระตุ้นให้มังคุดออกดอก
ทำโดยการใช้เครื่องตัดหญ้าตีใบมังคุดและเศษวัชพืชใต้โคนต้นให้แตกกระจุยจะทำให้รากมังคุดขาดและเกิดภาวะเครียด
ห้ามทำให้โคนมังคุดโล่งเตียนโดยเด็ดขาด
เพราะจะทำให้รากมังคุดยิ่งลงลึกมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้การทำให้มังคุดอยู่ในภาวะเครียดทำได้ยากยิ่งขึ้น
4. 2
หลังจากนั้นงดน้ำจนกว่าจะเห็นก้านมังคุดเป็นร่อง
แล้วจึงให้น้ำในปริมาณมาก จำนวน 1 ครั้ง จากนั้นเว้น 3
วันให้น้ำอีกครั้งหนึ่ง และรอดูอาการ 1 สัปดาห์
โดยก่อนการให้น้ำจะต้องสังเกตอุณหภูมิด้วย ถ้าอากาศเย็นไม่ควรให้น้ำ
ควรให้ในช่วงอุณหภูมิสูง (อุ่น-ร้อน)
4.
ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-21
ระยะระหว่างหลุม 2. 5 x 3 เมตร, 2. 5 x 2. 5 เมตร จำนวนต้นเฉลี่ย 200 ต้น/ไร่, 250 ต้น/ไร่
3. นำดินบนวางข้างหลุมด้านหนึ่ง ส่วนดินล่างวางข้างหลุมอีกข้างหนึ่ง
4. ผสมดินปุ๋ยคอกจำนวน 5 กิโลกรัม และปุ๋ยร็อคฟอสเฟส จำนวน 50 กรัม เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
วิธีการปลูก
1. ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน
2. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 ซม. 3. ผสมดินปุ๋ยคอกเล็กน้อย วางหน่อกล้วยลงในหลุม
4. กลบดินที่เหลือลงในหลุม
5. กดดินบริเวณโคนหน่อกล้วยให้แน่น
6. ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมโยก
7. หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น เช่นฟางข้าว หญ้าแห้ง
8.
1 ชม. /วัน
ระยะปลูก
พื้นที่ราบทั่วไป แบบสามเหลี่ยม แบบสี่เหลี่ยมด้านเท่า ระยะ 6. 0 x 6. 0, 6. 5 x 6. 5 เมตร สภาพที่ลุ่มน้ำไม่ท่วมขัง ปลูกแบบยกร่อง ใช้ปลูกแบบแถวคู่ และแถวเดี่ยว ระยะ 6. 5 เมตร ระยะหลุมควรห่างจากขอบร่องน้ำประมาณ 2 เมตร
การเตรียมหลุมปลูก
ควรเตรียมหลุมในช่วงฤดูแล้ง หากดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ขนาดหลุมควรกว้าง 1. 0 x 1.
3 ก่อนการให้น้ำให้ทำการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ สูตร
0-52-34 + สาหร่าย เพื่อบังคับให้มีการออกดอก
5. การให้น้ำ
ควรให้น้ำตลอดตั้งแต่เริ่มเป็นดอก
จนถึงระยะเก็บเกี่ยว
โดยในช่วงพัฒนาการของผลจะเป็นช่วงที่มังคุดต้องการปริมาณน้ำมากที่สุด
6. การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
6. 1 ในช่วงแตกใบอ่อนยาวประมาณ 2
เซนติเมตร ให้ฉีดพ่นสารป้องกันกำกัดแมลง (หนอนชอนใบ) และโรคพืช
(แอนแทรคโนส) และควรผสมธาตุอาหารเสริมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มขนาดใบ
6. 2 ในช่วงที่ยอดมังคุดเริ่มอวบอูม
แสดงว่ามังคุดมีการออกดอก ให้ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ
ติดต่อกัน 2 ครั้ง โดยฉีดครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่
1 7 วัน เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นหน้าหนาว อากาศแห้ง
และเย็น จะเป็นช่วงที่มีการระบาดของเพลี้ยไฟ
6. 3 ในช่วงดอกบาน จนกระทั่งเป็นลูก
ควรฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดไรและแมลงวี่ขาวด้วย
และถ้ากรณีที่มีฝนตกใหญ่ ให้ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคราแอนแทรคโนส
เพราะเชื้อราจะเข้าทำลายหู ทำให้หูมังคุดแห้งกรอบ
6. 4
ช่วงหลังจากดอกมังคุดบานหมดแล้วใช้ปิโตเลียมออย
ฉีดพ่นจะทำให้ผิวมัน
6. 5ในช่วงผลเล็กให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมีอะบาเม็กตินผสมไซเปอร์เมทธิน
เพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ โดยฉีดพ่นทุก 5-7 วัน จำนวน 2-3
ครั้ง ติดต่อกัน